วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เศรษฐกิจ

เศรษฐกิจ มัลดีฟส์

โครงสร้างทางเศรษฐกิจของมัลดีฟมีการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมหลัก โดยมีสัดส่วน 28% ของ GDP และเมื่อรวมธุรกิจบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงและโดยอ้อมด้วยแล้ว ภาคบริการมีสัดส่วนถึง 77% ของ GDP  ปัจจุบันกว่า 60% ของรายได้ประเทศมาจากการท่องเที่ยว มัลดีฟมีรีสอร์ตมากกว่า 87 แห่ง และมีนักท่องเที่ยวมากกว่า 5 ล้านคนไปเยือนมัลดีฟในปี 2550 

ทั้งนี้เกือบทุกเดือนจะมีรีสอร์ตแห่งใหม่เกิดขึ้นเสมอ ภายหลังเหตุการณ์สึนามิ มัลดีฟส์ได้รับผลกระทบอย่างมาก เป็นผลให้นักท่องเที่ยวลดลงกว่าร้อยละ 25 และสูญเสียรายได้จำนวนมหาศาล มัลดีฟส์จึงระดมทุนจากนานาประเทศเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยว และจัดกิจกรรมเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวกลับมาสู่มัลดีฟส์ สำหรับประมงและการเกษตร ซึ่งมีสัดส่วน 16% ของ GDP เริ่มมีความสำคัญน้อยลงเนื่องมาจากข้อจำกัดด้านพื้นที่ทางการเกษตรและแรงงานมีน้อย (แต่เป็นแรงงานที่มีคุณภาพและการศึกษาสูง) 

อย่างไรก็ตามมัลดีฟยังคงเป็นประเทศผู้ส่งออกทูน่าที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก  ส่วนในด้านสินค้าอาหารส่วนใหญ่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ภาคอุตสาหกรรมมีสัดส่วนเพียง 7% โดยส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมผลิตเสื้อผ้า การต่อเรือขนาดเล็กและ สินค้าหัตถกรรม 

 


ในปี 2543 รัฐบาลมัลดีฟได้เริ่มมีการฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยการยกเลิกโควตาการนำเข้าและเปิดเสรีการส่งออกให้เอกชนสามารถดำเนินการได้ในบางสาขา  และในเวลาต่อมาก็ได้มีการลดข้อจำกัดด้านการค้าการลงทุนลงไปมาก ส่งผลให้มีการไหลเข้าของการลงทุนจากต่างประเทศมากยิ่งขึ้น  ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของมัลดีฟในปี 2550 มีมูลค่า 1,049 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเฉลี่ย 7.5%  ต่อปี รายได้ต่อหัวของมัลดีฟสูงที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียใต้ โดยมีรายได้ประมาณ 3,040 เหรียญ/คน/ปี
จุดแข็งของการท่องเที่ยวของมัลดีฟคือธรรมชาติที่ยังบริสุทธิอยู่มาก มีชายหาดขาว น้ำทะเลสีฟ้าครามใสสะอาดที่พบเห็นทั่วไปทุกหมู่เกาะ  และยังมีแนวปะการังที่ยาวและสวยงามติดอันดับโลก เป็นที่สนใจแก่ผู้รักการว่ายน้ำ สายลม แสงแดด การดำน้ำ การพักผ่อนทั้งครอบครัว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการฮันนีมูน
นักท่องเที่ยวของมัลดีฟเป็นนักท่องเที่ยวระดับบนเป็นส่วนมาก โดยส่วนใหญ่มาจากยุโรปและเอเชีย สัญชาตินักท่องเที่ยวจากยุโรปที่สำคัญคือ อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และอังกฤษ ขณะที่นักท่องเที่ยวจากเอเชีย ส่วนใหญ่จะเป็น ญี่ปุ่น ฮ่องกง และจีน ปัจจุบันมัลดีฟเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของโลก มีโรงแรมดังๆ จากทั่วโลกมาเปิดให้บริการแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Hilton, Four Seasons, Club Med, One & Only อีกทั้งสถาบันการเงินชั้นนำของโลก ก็ได้ไปเปิดให้บริการแล้วเช่นกัน เช่น ธนาคาร Hong-Kong  and Shanghai เป็นต้น 


การค้าระหว่างประเทศ
มูลค่าส่งออกปี 2550 : 167 ล้านเหรียญสหรัฐ
สินค้าส่งออกสำคัญ มีชนิดเดียวคือ ปลา โดยเฉพาะปลาทูนา
ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ ประเทศไทย 50% ศรีลังกา 15% อังกฤษ 11.5% ฝรั่งเศส 8.4% อัลจีเรีย 7.8% และญี่ปุ่น6.1%
มูลค่าการนำเข้าปี 2550: 940 ล้านเหรียญสหรัฐ
สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เรือขนาดใหญ่  ผลิตภัณฑ์อาหาร เสื้อผ้า สินคาอุปโภคบริโภค สินค้ากึ่งสำเร็จรูปและสินค้าทุน
แหล่งนำเข้าสำคัญ ได้แก่ สิงคโปร์ 22.7%, UAE 15.5%, อินเดีย 11.2%, มาเลเซีย 10.8%, ศรีลังกา 5.7%, และประเทศไทย5.3%

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น